จำปาสี่ต้น: ภาพแกะสลักนิทานโบราณ ณ พระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวงพระอารามหลวง ขอนแก่น (ตอนที่ 3 ตอนจบ)

จำปาสี่ต้น: ภาพแกะสลักนิทานโบราณ ณ พระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวงพระอารามหลวง ขอนแก่น (ตอนที่ 3 ตอนจบ)

เรื่องโดย สุทธวรรณ บีเวอ

อ่านตอนที่ 1, 2, 3

*หมายเหตุ เรื่องจำปาสี่ต้นที่ถูกแกะสลักอยู่บนบานประตูและหน้าต่างชั้น 1 ของพระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวงพระอารามหลวง จังหวัดขอนแก่น จุดเริ่มต้นของเรื่องจะอยู่บนบานประตูด้านหน้าฝั่งทิศตะวันตกของพระมหาธาตุแก่นนคร โดยมีการเรียงลำดับภาพตามเข็มนาฬิกาไปรอบพระมหาธาตุแก่นนคร

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
นางปทุมเกสรคลอดลูก กุมารน้อยมีอาวุธวิเศษติดตัวออกมาด้วย

กล่าวถึงนางปทุมเกสรที่ยังคิดถึงผัวอยู่ทุกค่ำคืน ได้ให้กำเนิดโอรสผู้มีผิวพรรณเหมือนพ่อ เมื่อแรกเกิดก็กำเอาธนูลูกศรออกมาด้วย นางรักลูกมากจึงเพียรเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ตั้งแต่ออกจากครรภ์มาก็ไม่มีเจ็บป่วยไข้ใดๆ มากล้ำกลาย เด็กน้อยเติบโตอย่างรวดเร็วเพราะมีเทวดาช่วยค้ำชู

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
ฤษีให้ชื่อว่า สุวรรณเกสร และสอนวิทยาอาคมให้

นางปทุมเกสรพาโอรสเข้าไปไหว้พระฤษี พระฤษีให้ชื่อว่า “สุวรรณเกสร” ตามชื่อของแม่ สุวรรณเกสรเรียนกับพระฤษี จนสามารถเหาะเหินเดินอากาศ มีฤทธิ์เดชใช้ธนูยิงภูเขาทะลายลงได้ เมื่อโตขึ้นพอรู้ความจึงถามถึงพ่อ นางปทุมเกสรน้ำตาไหลเล่าเรื่องราวให้ลูกฟัง สุวรรณเกสรได้ยินดังนั้นก็จำเรื่องราวไว้ไม่เคยลืม
ชีวิตประจำวันของสุวรรณเกสรชอบไปเที่ยวป่าเที่ยวเล่นกับสัตว์ เมื่อพระฤษีรู้จึงสั่งห้ามไม่ให้ไปทางทิศตะวันออก เพราะเมื่อพ้นเขตภูเขาไปแล้ว จะมีพวกธร พวกเทพ พวกยักษ์โหดร้ายที่จับคนกินเป็นอาหาร สุวรรณเกสรได้รับคำเป็นอย่างดี

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
นางอุษามาลาคลอดลูก และมีอาวุธวิเศษออกมาด้วยเช่นกัน ชื่อว่า อุษาราช

กล่าวถึงนางอุษามาลาผู้อยู่ในเมืองยักษ์ก็ประสูติโอรสเช่นกัน โอรสน้อยถือดาบด้ามแก้ว ธนู และศรออกมาด้วย นางให้ชื่อว่า อุษาราช ตามนามของนาง อุษาราชพอโตมาก็ถามถึงพ่อ นางอุษามาลาเล่าว่าเป็นชาวเมืองปัญจา ชื่อ เพชรราช มีฤทธีเก่งกล้ากว่าผีทั้งหลาย แต่มาวันหนึ่งก็เสด็จไปตามเมียคนแรกที่พลัดพราก จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้กลับมา อุษาราชได้ยินดังนั้นก็จดจำชื่อบิดาไว้ไม่ลืม

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
ทั้งอุษาราชและสุวรรณเกสรต่างก็ชอบเที่ยวชมป่า

อุษาราชออกไปเที่ยวเล่นในป่าแม้ว่ามารดาทัดทาน ขณะที่ฝ่ายสุวรรณเกสรก็ออกไปป่าเช่นกัน แต่หนนี้เขาจะไปทางทิศตะวันออกที่พระฤษีห้ามไว้ เพราะอยากลองกำลังจากสิ่งที่เรียนมา

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
สุวรรณเกสรเหาะข้ามหัวอุษาราชไป ทำให้อุษาราชไม่พอใจและสุวรรณเกสรก็ไม่ขอโทษ จึงรบกัน แต่ในที่สุดทั้งสองก็ได้รู้ว่าเป็นลูกพ่อเดียวกัน

ระหว่างที่เหาะสุวรรณเกษรได้ข้ามหัวของอุษาราชไป ทำให้อุษาราชไม่พอใจจึงตะโกนต่อว่า สุวรรณเกษรที่ได้ฟังก็โกรธ สุดท้ายทั้งสองฝ่ายจึงสู้กันไปจนพลบค่ำ ไม่มีใครแพ้ใครชนะ เมื่อเห็นดังนี้จึงตกลงกันว่าจะเลิกกันไปก่อน วันหน้าจะมาสู้กันใหม่ พอกลับถึงที่พักแต่ละคนก็เล่าว่าวันนี้ตนได้สู้กับคนที่ฝีมือเสมอกันสนุกมาก มารดาแต่ละคนได้ฟังดังนั้นจึงถามหาแนวเชื้อ ซึ่งก็ไม่ได้มีใครทันได้ถามกัน

ทั้งสองกุมารได้มาพบกันอีกครั้ง คราวนี้ได้ต่อสู้กันอีกเช่นเคย จนเข้าเที่ยงวันก็หมดแรง อุษาราชจึงได้ถามหาแนวเชื้อจากสุวรรณเกสร ซึ่งในที่สุดทั้งสองก็รู้ว่ามีบิดาคนเดียวกัน จากนั้นจึงพากันไปบอกให้มารดารู้

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
สุวรรณเกสรพาอุษาราชไปหามารดา

อุษาราชและสุวรรณเกสรมาถึงปราสาทนางปทุมเกสร พอนางปทุมเกสรมองเห็น จึงได้เอ่ยปากถามบุตรชาย ทำให้ทราบว่าเป็นลูกพ่อเดียวกัน อุษาราชบอกว่าเพชรราชกำลังตามหานาง นางก็น้ำตาไหล แล้วจึงโอบเอาอุษาราชขึ้นมาจูบ พลางกล่าวว่าไม่รู้ตอนนี้พ่อเจ้าไปอยู่เมืองใด ขอให้อยู่ดูแลกันและกันกับสุวรรณเกสร ทั้งหมดสนทนาได้ซักพักก็มืด นางปทุมเกสรจึงให้อุษาราชพักอยู่ก่อน แล้วค่อยให้สุวรรณเกสรตามไปเยี่ยมมารดาของอุษาราชเพื่อแจ้งให้ทราบข่าว

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
เพชรราชขอตายายกษัตริย์เมืองจักรขีน ไปตามหานางปทุมเกสร

กล่าวถึงเพชรราชที่ยังอยู่กับตาและยายปกครองเมืองจักรขีน เมื่ออยู่ช่วยฟื้นฟูเมืองได้ซักพักหนึ่งแล้ว ก็อยากจะไปตามหานางปทุมเกสร จึงไปลาตาและยาย พร้อมมอบแก้วมงคลของเหยี่ยวยักษ์ไว้รักษาเมือง

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
ระหว่างทางเพชรราชได้พบกับสุวรรณเกสรและอุษาราช

ระหว่างทางไปอาศรมพระฤษี เพื่อให้พระฤษีช่วยใช้ญาณหานางปทุมเกสร เพชรราชได้พบกับอุษาราชและสุวรรณเกสรกำลังเอาสัตว์ต่างพันธุ์มาผสมพันธ์ุเล่นกัน เพชรราชเห็นดังนั้นก็เข้าไปต่อว่า ไม่รู้ธรรมเนียมไม่รู้ฮีตใจบาป ไม่กลัวฟ้าผ่าลงหัวอย่างนั้นหรือ

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
สุวรรณเกสรและอุษาราชไม่พอใจเพชรราชที่ต่อว่าพวกตน จึงยิงธนูใส่

เมื่อสองหน่อได้ยินดังนั้นจึงโกรธมากจนตัวสั่น คว้าเอาธนู แล้วก็ไล่เอาดาบฟัน หาว่ามาข่มเด็กน้อย เพชรราชทะยานตัวเองขึ้นสูงเท่ายอดต้นตาลแล้วนั่งอย่างสบาย ทั้งสองคนแม้พยายามจะฟันเพชรราชแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ซ้ำธนูที่ยิงไปก็กลายเป็นดอกไม้ถวายเพชรราชไปเสียทั้งหมด

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
นางปทุมเกสรพบเพชรราช กุมารทั้งสองได้รู้ว่าเป็นบิดา

เสียงยิงธนูต่อสู้ของสองกุมาร ดังไปไกลจนถึงนางปทุมเกสร พอนางได้ยินก็รู้ว่าเป็นฝีมือของลูกตนจึงรีบออกไปดู พอไปเห็นคนที่ลูกกำลังต่อสู้อยู่ นางก็ร้องบอกให้หยุด แล้วร้องไห้ และบอกกับกุมารทั้งสองว่าเพชรราชคือพ่อ ทั้งสองจึงหยุดแล้วเข้าไปกราบ

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
นางปทุมเกสรพาครอบครัวไปไหว้พระฤษี

รุ่งเช้า นางปทุมเกสรจัดดอกไม้ธูปเทียนแต่งขัน พาทุกคนไปไหว้พระฤษี พระฤษีได้อวยชัยให้พร บัดนี้หมดบาปหมดเวรให้อยู่ดีมีสุข ทั้งหมดก็ยกมือไหว้ขึ้นเหนือหัวรับพรพระฤษี

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
เพชรราชพาลูกเมียไปลาพระฤษีกลับเมืองปัญจา

อยู่มาได้ 7 วัน เพชรราชด้วยความคิดถึงพ่อแม่ที่เมืองปัญจา จึงพาลูกเมียหาธูปเทียนไปถวายลาพระฤษี พระฤษีได้เอาน้ำเต้าแก้วสรงให้ทุกคนให้อายุมั่นขวัญยืน หมดสิ้นกรรมเวรแต่ชาติก่อน ทั้งหมดไหว้พระฤษีแล้วเหาะไปเมืองยักษ์เพื่อไปหานางอุษามาลา

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
เพชรราชให้ลูกไปแจ้งนางอุษามาลาว่ากำลังจะกลับมาแล้ว

เพชรราชให้บุตรทั้งสองคนเหาะนำไปก่อน เพื่อแจ้งข่าวนางอุษามาลา พอนางได้ยินดังนั้นก็ตกใจ เอามือลูบอกร้องไห้ ฝูงหมู่เสนาได้ยินก็ตีฆ้องประกาศไปทั่วเมืองว่าเพชรราชกำลังจะกลับมาแล้ว ชาวเมืองดีใจหลั่งไหลไปรอต้อนรับเพชรราช

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
แห่เพชรราชและนางปทุมเกสรเข้าเมือง อุษามาลารอต้อนรับด้วยความดีใจ
จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
นางอุษามาลาก้มกราบเพชรราชและนางปทุมเกสร

เพชรราชและนางปทุมเกสรเข้ามาถึงเมือง นางอุษามาลาได้เห็นผัวของตนเองก็ร้องไห้ ก้มกอดเท้าและเอายกขึ้นใส่หัว เพชรราชก็ก้มจูบนางอุษามาลา แล้วนางอุษามาลาก็กราบนางปทุมเกสร เหล่าเสนาแจ้งว่าบ้านเมืองอยู่สุขสบายเป็นเพราะบารมีของกษัตริย์ และเชิญพระองค์นั่งประทับบนบัลลังก์

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
เพชรราชและครอบครัวเดินทางไปเมืองปัญจา

เพชรราชอยู่ครองเมืองเขาขงมานานหลายปี คิดอยากจะกลับไปยังเมืองปัญจา จึงแต่งตั้งให้อุษาราชครองเมืองแทนโดยให้เสนาช่วยสอนการปกครองบ้านเมือง ภายหลังจากอุษาราชครองเมืองแล้วก็ได้ติดตามบิดาและมารดาไปยังเมืองปัญจาด้วย

นางอุษามาลาร่ำลาแม่นมทั้งหลายเพื่อเดินทางไกล แม่นมก็อวยชัยให้พรให้จำคำที่แม่นมได้สอน และให้ถือคำผู้เฒ่าโบราณ พอถึงเวลาดีเสนาก็ตีฆ้องร้องป่าว ชาวเมืองก็แห่มาส่งเพชรราชและมเหสีทั้งสององค์รวมถึงกุมารขึ้นเกวียนแก้วยนตร์เหาะไปบนอากาศ

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
พี่ชายทั้งสามของเพชรราชพร้อมครอบครัวเดินทางไปเมืองปัญจา

กล่าวถึงบรรดาพี่ชายทั้งสามของเพชรราช แต่ละคนก็ได้มีบุตรชายเช่นกัน และต่างก็มีอาวุธวิเศษคือดาบและธนูติดตัวมาตอนเกิด ทั้งสามเมืองของพี่ชายยังไปมาหาสู่ค้าขายกันทางเรือ จนมาวันนี้รู้สึกคิดถึงน้องชายสุดท้องที่จากกันไปนาน จึงให้อำมาตย์แต่งสำเภาเดินทางไปเมืองปัญจาพร้อมทั้งเหล่ามเหสี ส่วนลูกหลานต่างขอเดินทางด้วยการเหาะไปด้วยกัน

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
สุวรรณเกสรและอุษาราชเหาะข้ามหัวบรรดาลูกของพี่ชายบิดา ทำให้ทุกคนสู้รบกัน แต่เพชรราชก็เข้ามาไกล่เกลี่ยทัน จึงได้รู้ว่าเป็นหลาน

กุมารทั้งสามลูกของพี่ชายเพชรราชเหาะมาถึงกลางป่าแห่งหนึ่ง ได้พบกับอุษาราชกับสุวรรณเกสรที่เหาะข้ามหัวไป จึงไม่พอใจอย่างมาก ทำให้ทั้งหมดสู้กัน โดยต่างก็ไม่รู้ว่าเป็นญาติกัน เมื่อเพชรราชมาถึงจึงสั่งให้หยุด และได้ถามไถ่กุมารทั้งสามว่าเป็นใคร ทั้งสามจึงเล่าให้ฟัง ทำให้เพชรราชรู้ว่าเป็นหลาน จึงบอกว่าตนนั้นเป็นอา ส่วนเด็กสองคนนี้ก็คือลูก กุมารทั้งสามเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงยกมือไหว้เพชรราช

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
กุมารทั้ง 5 องค์ไปหาพญาจุลนีกับนางคำกลอง

เพชรราชให้ลูกหลานทั้ง 5 องค์ เหาะไปแจ้งพญาจุลนีกับนางคำกลองว่ากำลังจะมาถึง เด็กทั้งห้าเหาะมาจนถึงเมืองปัญจา เมื่อสอบถามกับชาวบ้านก็แน่ใจแล้วว่าใช่เมืองปัญจาจริง จึงได้พากันไปกราบพญาจุลนี พญาจุลนีและนางคำกลองดีใจมากที่ได้พบหลานและรู้ว่าลูกของตนกำลังพากันมา

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
ชาวเมืองต่างมารอชมขบวนเสด็จ

ชาวบ้านพอทราบข่าวว่าขบวนเสด็จของเพชรราชและพระมเหสีกำลังจะกลับเข้าเมือง จึงได้พากันอุ้มลูกจูงหลานออกมารอต้อนรับ พวกเขาพากันแหงนหน้ามองฟ้า ในที่สุดก็มองเห็นยนต์แก้วสีทองดุจดั่งของพระอินทร์ ส่วนพวกยักษ์ที่ติดตามขบวนมาก็ได้สร้างวังที่มีกำแพงแข็งแรงรองรับขบวนเสด็จที่นอกเมือง

ในขณะเดียวกันพี่ชายทั้งสามของเพชรราชก็ล่องเรือสำเภาทองมาถึง และเข้าไปพบกับเพชรราชที่ในวังชั่วคราว ส่วนกุมารทั้ง 5 องค์ก็ได้เหาะกลับมายังวังชั่วคราวของเพชรราชเช่นกัน เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้าแล้ว ต่างก็พากันไตร่ถามสารทุกข์สุขดิบ

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
กษัตริย์พี่น้องทั้งสี่องค์พร้อมครอบครัว ได้พากันมาเข้าเฝ้าพญาจุลนีและนางคำกลอง

ในวันถัดมาทั้งหมดจึงได้เข้าเฝ้าพญาจุลนีและนางคำกลองร่วมกัน เพชรราชได้เล่าเรื่องเมืองจักรขีนที่ตนนั้นได้ชุบชีวิตตาและยาย รวมถึงราษฎรและสัตว์เลี้ยง ทำนุบำรุงบ้านเมืองให้กลับคืนมา นางคำกลองได้ยินดังนั้นก็ดีใจจนน้ำตาไหล เพชรราชสัญญาว่าจะกลับไปในปีหน้าและจะพานางคำกลองไปด้วย ในค่ำคืนนั้นผู้คนต่างก็พากันฉลองการกลับมาพบหน้ากันของเหล่ากษัตริย์และยาวออกไปถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
ยักษ์ทำทางจากเมืองปัญจาไปยังเมืองจักรขีน เมื่อทางเสร็จกษัตริย์ทุกพระองค์ก็ได้เดินทางไปยังเมืองจักรขีน

พญาจุลนีต้องการให้เพชรราชครองเมืองแทน แต่เพชรราชขอให้พระองค์อยู่เสวยราชย์ต่อ เพราะเมืองจักรขีนนั้นตาและยายแก่แล้ว ไม่มีใครสืบเมือง เพชรราชจะขอกลับไปสร้างเมืองจักรขีนต่อ และหากวันข้างหน้าพญาจุลนีเริ่มชราแล้วอยากขอให้สุวรรณเกสรเป็นผู้สืบแทน ซึ่งพญาจุลนีก็เห็นด้วย

เพชรราชขอให้พญาจุลนีออกทุนสร้างถนนไปยังเมืองจักรขีน โดยให้มีคนตั้งขายของทุกที่ เพื่อคนเดินทางไปมาหาสู่กันได้ง่าย โดยจะให้ยักษ์ไปทำทาง พร้อมกันนั้นได้ส่งคนไปแจ้งเมืองจักรขีน เพื่อไม่ให้ผู้คนตื่นกลัวฝูงยักษ์

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
พญาจักรขีนและนางคำกลองได้พบกับครอบครัวลูกๆ หลานๆ อย่างพร้อมหน้า และอุษาราชได้นั่งครองเมืองเขาขง

เมื่อทางเสร็จเพชรราชจึงเชิญบิดามารดาและพี่น้องทั้งหมดไปยังเมืองจักรขีน เพื่อไปไหว้ตาและยาย ขบวนได้ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม มีทั้งเสียงขับลำ แคน ปี่ สังข์ ขลุ่ย ซอ คนมากมายที่เดินทางไปด้วยก็พากันละเล่นตลอดทาง

กล่าวถึงพญาจักรขีนก็ได้นำชาวเมือง ทั้งช้างและม้า เดินไปในป่า เดินชมนกชมไม้ไปเรื่อย และในที่สุดก็ไปพบกับขบวนที่มาจากเมืองปัญจา ทำให้เพชรราชพบกับตาและยาย จึงให้ยักษ์สร้างที่พักกลางป่า ลูกหลานกษัตริย์ทั้งหมดก็ได้พบหน้ากัน นางคำกลองพอเห็นพ่อกับแม่ ก็รีบเข้าไปก้มกราบเท้าพ่อแม่ร้องไห้ ต่างคนก็ต่างเล่าเรื่องของตนสู่กันฟัง

ต่อมาเมื่อถึงเวลา อุษาราชจะเดินทางกลับไปครองเมืองเขาขงเมืองยักษ์ เขาได้ไปลาตาและยาย พ่อกับแม่ ทุกคนก็อวยชัยให้พร อุษาราชจึงออกทะยานสู่เวหาพร้อมเสนามารยักษ์เมืองเขาขง อุษาราชเมื่อได้ครองเมืองก็เป็นกษัตริย์ที่ทำให้ชาวเขาขงอยู่อย่างผาสุข

จำปาสี่ต้น วัดหนองแวง ขอนแก่น
ทั้งหมดได้แยกย้ายกันกลับไปปกครองเมืองของตนเอง

พญาจุลนีจะกลับไปเมืองปัญจา จึงอวยชัยให้พรเพชรราช ให้ครองเมืองยืนยง ขณะที่นางคำกลองก็ลาพญาจักรขีนกับนางจันทาแม่ของตนกลับเมือง กษัตริย์ทั้งหมดต่างก็ร่ำลากัน

เมื่อทุกคนกลับถึงเมืองปัญจา บรรดาพี่ๆ ของเพชรราชก็ได้ลาพญาจุลนีและนางคำกลองกลับสู่บ้านเมืองของตนทางเรือสำเภา

หลายวันหลายปีผ่านไป พญาจุลนีเริ่มแก่ชรา จึงให้หลานสุวรรณเกสรขึ้นครองราชย์เมืองปัญจาแทน อันว่าเหล่ากษัตริย์ก็พากันเทียวไปมาหาสู่กัน ทั้งทำการค้าร่วมกัน ไพร่ฟ้าก็อยู่เป็นสุข เพชรราชก็เสวยราชย์ที่เมืองจักรขีน มีศีลธรรมครองเมืองทำให้เจริญรุ่งเรือง

จนเมื่อคราวกลับสู่สวรรค์ เพชรราชก็ทรงเสวยวิมานอยู่ที่ชั้นดาวดึงส์. (จบ)

อ่านตอนที่ 1, 2, 3

…………

ภาพโดย ทิม บีเวอ Tim Bewer

เนื้อเรื่องโดย สุทธวรรณ บีเวอ อีสานอินไซต์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *