จำปาสี่ต้น: ภาพแกะสลักนิทานโบราณ ณ พระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวงพระอารามหลวง ขอนแก่น (ตอนที่ 2)
เรื่องโดย สุทธวรรณ บีเวอ
*หมายเหตุ เรื่องจำปาสี่ต้นที่ถูกแกะสลักอยู่บนบานประตูและหน้าต่างชั้น 1 ของพระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวงพระอารามหลวง จังหวัดขอนแก่น จุดเริ่มต้นของเรื่องจะอยู่บนบานประตูด้านหน้าฝั่งทิศตะวันตกของพระมหาธาตุแก่นนคร โดยมีการเรียงลำดับภาพตามเข็มนาฬิกาไปรอบพระมหาธาตุแก่นนคร
ตาผ้าขาวและกุมารทั้งสี่เดินทางโดยเรือสำเภาหลายวัน จนเข้าสู่เขตเมืองพญายักษ์สิงหฬ พญายักษ์มีลูกสาวสวยเป็นมนุษย์และกินอาหารเหมือนมนุษย์ ทำให้ไม่มีกลิ่นคาวเหมือนยักษ์ นางชื่อว่า “คันธมาลา” ยักษ์สิงหฬได้ให้ลูกน้องแปลงเป็นนกกระจอกไปดูลาดเลา พอรู้ว่าเป็นคนก็ดีใจว่าจะมีอาหารมื้อเย็นแล้ว จึงให้ลูกน้องแปลงกายเป็นคนพายเรือออกไปหลอกล่อด้วยของหวานและผลไม้
เสตราชพี่ชายคนโต ได้รับมอบหมายจากตาผ้าขาวให้จัดการยักษ์ จึงมาดักรออยู่หน้าเรือ พอยักษ์มาถึง เจรจากันได้ไม่เท่าไหร่ก็รีบร่ายมนต์จับยักษ์มัดลอยขึ้นฟ้า ก่อนตัดคอยักษ์ขาดสะบันตกลงน้ำจนเป็นสีแดงฉาน ยักษ์ที่โดนตัดคอตกใจกลัว รีบคว้าเอาหัวตัวเองมาต่อ แล้วหนีกลับไปหาพญายักษ์ทันที พญายักษ์โกรธมาก กระทืบพื้นท้องพระโรง มือก็ตีหมอนด้วยความเคียดแค้น
พญายักษ์ได้สั่งให้ตีฆ้องลั่นกลองรบ พวกยักษ์พวกผีมาจนเต็มไปหมด เสตราชฟันคอผีคอยักษ์ขาดกระเด็นลงน้ำ แต่มันก็จับเอาหัวมาต่อใหม่ แต่พวกมันก็พากันหวาดกลัวเสตราชมาก พญายักษ์เห็นดังนั้นจึงเงื้อธนูทองกับหอกขึ้นเพื่อจะฆ่าเสตราช ต่างฝ่ายต่อสู้จนยักษ์สิงหฬเริ่มอ่อนแรง จึงเป่ามนต์ให้ทหารที่ตายไปฟื้นคืนชีพ ตาผ้าขาวจึงให้เพชรราชผู้เป็นน้องเข้าไปช่วย เพชรราชใช้นิ้วชี้จนตายหมด เหลือแต่พญายักษ์สิงหฬที่ยอมแพ้ในที่สุด พญายักษ์ได้ถวายเมืองและลูกสาวให้เสตราช ตาผ้าขาวจึงให้เพชรราชชี้นิ้วคืนชีพให้ทุกตน
พญายักษ์สิงหฬนำนางคันธมาลามาถวาย เสตราชเมื่อแรกเห็นนางก็รักและรับนางไว้ ก่อนอภิเษกขึ้นครองราชย์เมืองยักษ์ แต่เมื่อหลายวันผ่านไปก็ต้องลานางไปยังเมืองปัญจา โดยสัญญาจะกลับคืนมาในเวลาไม่นาน และขอให้พญายักษ์สิงหฬดูแลบ้านเมืองแทน โดยเสตราชได้ต่อเรือสำเภาทองลำใหม่เพื่อเดินทางเพิ่มอีกหนึ่งลำ
ขบวนเรือสำเภาทองได้เดินทางไปถึงเมืองใหญ่ ชื่อว่า “โกฏิยนคร” มีพญายักษ์ใหญ่ผู้โหดร้ายปกครองอยู่ พญายักษ์มีลูกสาวสวยที่เกิดในสวนดอกไม้ของอุทยานจึงได้ชื่อว่า “ปุสสามาลี” พญายักษ์พอรู้ว่ามีมนุษย์ล่องเรือมา ก็สั่งให้ทหารยักษ์ไปจับตัวมนุษย์ทั้งหมดมาให้มันกิน
ตาผ้าขาวให้ปีตราชพี่ชายคนรองเตรียมอาวุธไปสู้ ไม่นานหมู่ยักษ์และผีก็มาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ปีตราชใช้ดาบฟันคอขาด แต่ยักษ์ก็จับกลับมาต่อกันได้อีก ปีตราชเข้าต่อสู้พร้อมทั้งเสกฝูงงูใหญ่ขึ้นมาฉกกัดเหล่ายักษ์ แม่ทัพยักษ์จึงเสกครุฑมาไล่กินงู ต่างคนต่างประลองเวท สุดท้ายเมื่อการรบดูท่าจะยืดเยื้อ ตาผ้าขาวจึงให้เพชรราชออกไปช่วย เพชรราชใช้นิ้วชี้จนตายกันหมดรวมทั้งแม่ทัพยักษ์
พญายักษ์โกรธและโศกเศร้ามากที่ลูกน้องพากันตายไปหมด ครั้นจะไปรบก็ไม่มีพลทหาร จึงตัดสินใจขอยอมศึก โดยแปลงกายเป็นยักษ์หนุ่มพาพลยักษ์ที่เหลือแต่งขันไปกราบไหว้ขอให้ปีตราชไว้ชีวิต พร้อมท้้งยกเมืองและลูกสาวให้ ปีตราชเห็นว่ายักษ์ยอมแพ้แล้ว จึงให้เพชรราชคืนชีพทั้งหมด ปีตราชได้ขึ้นนั่งครองเมืองและอภิเษกกับนางปุสสามาลี แต่ไม่นานก็ต้องออกเดินทางไปช่วยมารดา พญายักษ์จึงได้เนรมิตเรือสำเภาแก้วพร้อมทั้งพลทหารยักษ์ให้ติดตามไปช่วย
เรือทั้งสามลำเข้าเขตเมืองจำปา ซึ่งเป็นเมืองมนุษย์ ตาผ้าขาวร่างแปลงของพระอินทร์ได้ร่ายมนต์กำบังเรือและผ่านด่านเข้าสู่เวิ้งน้ำกลางเมืองพร้อมทอดสมออยู่ที่นั่น พอรุ่งสางเรือก็ปรากฏ ชาวเมืองพากันแตกตื่น เจ้าเมืองจำปาจึงสั่งทหารพร้อมหอกง้าว ปืนใหญ่ ออกไปล้อมเรือไว้
ฝ่ายตาผาข้าวจึงได้ให้สุวรรณราชพี่ชายคนที่สามออกไปรบ ทหารเมืองจำปาเปิดศึกยิงปืนใหญ่ ทั้งหอกง้าวพุ่งใส่ แต่สุวรรณราชก็หลบหลีกได้และใช้ดาบฟันคอเหล่าทหารขาดกระเด็น จากนั้นก็ยิงศรออกไป ลูกศรได้บินเข้าเสียบร่างพลทหารรวมถึงชาวเมืองตายเกลื่อนเป็นจำนวนมาก
เจ้าเมืองได้แต่งขันออกไปขอยอมแพ้และถวายเมืองให้ พร้อมมอบนางสุวรรณมาลีลูกสาวให้เป็นคู่ครอง สุวรรณราชรับไว้ แต่มอบเมืองคืน เพราะตนนั้นยังเยาว์ไม่รู้การปกครองเมือง ส่วนคนตายก็ทำให้ฟื้นคืนชีพทุกคน เมื่อราชาเมืองจำปาได้ฟังก็ดีใจ ยกมือไหว้นบนอบ
สุวรรณราชครองเมืองได้ไม่นานก็ต้องลานางสุวรรณมาลีออกไปตามหามารดา โดยเจ้าเมืองจำปาได้ให้เรือสำเภาทองอีกลำพร้อมผู้รับใช้จำนวนหนึ่งไปด้วย
ขบวนเรือแล่นอยู่หลายวันก็เข้าเขตเมืองปัญจา ตาผ้าขาวร่างแปลงพระอินทร์ก็จะกลับสู่สวรรค์ ตาผ้าขาวได้สั่งว่าถ้าเข้าเขตเมืองให้กำบังเรืออย่าให้ใครเห็น เรือล่องมาจนถึงอุทยานหลวง เพชรราชไปตามหาตาและยาย เมื่อพบจึงนำกลับขึ้นเรือ ตากับยายเฒ่าได้เล่าถึงพญาจุลนีเจ้าเมืองได้ขับนางคำกลองออกจากวังไปเป็นข้าเลี้ยงหมูแสนทุกข์ยากเวทนา เพชรราชจึงอาสาไปดูลาดเลาของพระบิดากับเทวีก่อน เมื่อเขาไปถึงเมืองได้ร่ายมนต์สะกดให้ทุกสิ่งหยุดนิ่ง แล้วเข้าไปในห้องบรรทมของพระบิดา เขียนสาส์นไว้ว่าพระองค์ปกครองบ้านเมืองไม่เป็นธรรม ลงท้ายให้เอานางคำกลองมาคืน จากนั้นรอจนรุ่งสางจึงไปหามารดา เมื่อสืบดูรู้แน่ว่าใช่นาง จึงได้พากลับเรือ
เมื่อนางคำกลองได้เจอลูกทั้งสี่อีกครั้ง นางดีใจมากร้องไห้จนสลบ และขอให้ออกจากเมืองปัญจาโดยเร็ว แต่สี่พี่น้องขอแก้แค้นเสียก่อน จึงทำให้มนต์ที่กำบังเรือนั้นคลายลง ชาวเมืองแตกตื่นที่เห็นเรือทอดสมออยู่ใกล้เมือง ทั้งพวกยักษ์ก็ได้รับคำสั่งจากเพชรราชให้กลับร่างดูน่ากลัว พวกเสนาเห็นจึงรีบหนีเข้าวังไปแจ้งพญาจุลนี พญาจุลนีที่รับสาส์นแล้ว จึงรีบสั่งให้ไปหาตัวนางคำกลองไปคืน แต่หาไม่เจอ จึงได้ส่งสาวใช้ที่หน้าตาเหมือนไปแทน แต่เพชรราชก็รู้ล่วงหน้าว่าเสนาจะส่งตัวปลอมมาให้ จึงเนรมิตสะพานเข้ามายังเรือจากท่าน้ำอย่างสวยงาม แล้วให้ทุกคนแอบฟังว่าเสนาจะพากันโกหกว่าอย่างไร
พวกเสนามาถึงท่าน้ำก็ประหลาดใจที่มีสะพานสวยงามทอดไปยังเรือ พวกเขากำลังจะนำนางคำกลองตัวปลอมมามอบให้ เพชรราชที่รู้อยู่แล้วก็โกรธมาก พวกเสนาตัวสั่นรีบเอานางตัวปลอมกลับไป แล้วไปทูลพญาจุลนี พญาจุลนีหมดหนทางหานางคำกลองตัวจริงมาคืน จึงตัดสินใจจะถวายบ้านเมืองให้แทน จึงสั่งให้พวกเสนาอำมาตย์แต่งดอกไม้เงินดอกไม้ทอง แล้วพระองค์จะถวายเมือง
เมื่อพญาจุลนีไปถึงเรือ สี่กุมารจึงส่งคนออกไปต้อนรับและเชิญพระองค์นั่งบัลลังก์ จากนั้นเมื่อพระองค์รู้สึกผ่อนคลาย สี่กุมารจึงออกมาแล้วก้มกราบไหว้พ่อของตน และบอกว่าตนนั้นเป็นลูกของพญาจุลนีที่เกิดกับนางคำกลอง เมื่อทรงรู้ความจริงจึงให้เสนาไปตามนางอัคคี
เมื่อเสนาทหารเข้าไปถึงวังนางอัคคี เสนาได้แจ้งโองการแล้วเชิญตัวนางไป เมื่อนางโดนซักหาความจริง ก็ได้สารภาพว่าทำไปโดยความอิจฉาริษยา และเคียดแค้นนางคำกลองที่พญาจุลนีรักมากกว่า แล้วจึงเล่าแผนการทั้งหมดที่ได้ทำไป
พอพญาจุลนีได้ฟังที่นางเล่าทั้งหมดก็โกรธจนตาแดง เท้ากระทืบพื้น หันไปบอกทหารให้จับ แล้วก็สั่งให้ฆ่าทาสีทาสาที่รับสินบน ทหารจับนางอัคคี แล้วผูกมัดพร้อมทั้งเอาตีนถีบหน้าทุบตีนางจนเลือดอาบ บริวารทั้งหมดก็ถูกจับ สี่กุมารมองเห็นจึงคิดอยู่ในใจว่าจะเป็นเวรกรรมต่อไป จึงพากันก้มกราบขอพระบิดาให้ยกเว้นโทษ โดยแค่ให้เอาไปเป็นทาสเหมือนกับที่นางคำกลองเคยเป็นก็พอ พญาจุลนีจึงทำตามที่กุมารทั้งสี่ได้ขอไว้
พญาจุลนีอยากพบนางคำกลองแต่ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ใด เมื่อสี่กุมารได้ฟังดังนั้นจึงบอกว่าได้นำพระมารดามาอยู่ด้วยแล้ว จึงได้ไปเชิญนางคำกลองออกมาพบพญาจุลนี
นางคำกลองพอได้เห็นพญาจุลนีก็ตัดพ้อต่อว่า และจะไม่ยอมคืนดี สี่พี่น้องจึงได้อ้อนวอน เพราะจะเป็นเวรเป็นกรรมต่อกัน ตอนนี้กรรมเก่านั้นก็ได้หมดสิ้นไปแล้ว ขอให้พระมารดาทรงทำบุญละเว้นบาปกรรมเสียเถิด นางคำกลองจึงยอม
เหล่าเสนาแห่เสลี่ยงทองคำของพญาจุลนีพร้อมนางคำกลองเข้าสู่วัง เพื่ออภิเษกนางขึ้นเป็นมเหสี ชาวเมืองหลั่งไหลพากันเข้ามายินดี เสตราช ปีตราช สุวรรณราช และเพชรราช เดินเท้าตามกันเข้าเมือง พร้อมด้วยเครื่องดนตรีปีพาทย์กลองฆ้องแคนขลุ่ยซอแห่แหนเข้าเมือง
เมื่อถึงเมือง พญาจุลนีจึงเอ่ยปากจะให้บ้านเมืองแก่บุตรทั้งสี่ แต่ทั้งหมดถวายคืน และกล่าวว่าหากมีศึกสงครามก็พร้อมจะมาช่วย เมื่อเสร็จสิ้นงานสมโภชน์ สามกุมารผู้พี่ได้ลากลับไปครองเมืองตนเอง เหลือเพียงเพชรราชน้องคนสุดท้องที่คอยการสืบต่อเมืองจากพระบิดา
อย่างไรก็ตามเมื่อวันเวลาผ่านไป เพชรราชที่ไม่มีคู่ครองก็รู้สึกเหงาและเบื่อหน่าย จึงได้ขอลาพระบิดาและพระมารดาเพื่อออกเดินทางท่องเที่ยว
กล่าวถึงคู่ครองของเพชรราช เมื่อคราวลงมาจุติกระแสลมได้พัดนางไปตกใส่เกสรดอกบัวในสระน้ำของพระฤษีที่ป่าหิมพานต์ นางจึงเป็นทารกที่เกิดจากดอกบัว พระฤษีจึงให้ชื่อว่า “ปทุมเกสร” ผู้มีใบหน้างดงาม ผมหอมเหมือนดังดอกบัว และช่างพูดช่างเจรจา พอโตขึ้นเป็นสาว พระฤษีก็ได้เนรมิตปราสาทให้อาศัยอยู่บริเวณริมสระดอกบัว
วันหนึ่งเพชรราชเดินทางท่องเที่ยวมาจนถึงสระดอกบัว ก็มองไปเห็นปราสาทของนางปทุมเกสร จึงเข้าไปสำรวจและพบกับนางปทุมเกสร เพชรราชรู้สึกชอบพอนางเป็นอย่างมาก จึงขอให้นางมาเป็นคู่ครอง เพชรราชได้ไปขอนางกับพระฤษี พระฤษีจึงได้อวยชัยให้พรให้ทั้งสองครองคู่กัน
ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมาเป็นเวลาหลายเดือน จนนางปทุมเกสรตั้งครรภ์ได้สามเดือน นางเกรงว่าจะไม่สามารถดูแลตัวเองและสามีได้ ทั้งสองจึงได้ไปลาพระฤษีเพื่อจะกลับเมืองปัญจา
เพชรราชพานางปทุมเกสรเหาะกลับเมืองปัญจา การเดินทางเป็นเวลาหลายวันหลายคืน เพชรราชพานางปทุมเกสรเที่ยวชมธรรมชาติตามทาง แล้วทั้งสองก็ได้ลงหยุดพักหลับนอนในป่าเขตเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นเมืองของ “พันธมหายักษ์” ยักษ์ตนนี้มีลูกสาวชื่อ “อุษามาลา” เกิดอยู่ในเกสรดอกไม้ในอุทยาน นางเป็นมนุษย์กินแต่ผลหมากรากไม้เป็นอาหาร พันธมหายักษ์เลี้ยงเป็นลูก ดูแลอย่างดี อยู่มาวันหนึ่งพันธมหายักษ์ได้เหาะเที่ยวชมป่าแล้วพบกับเพชรราชและนางปทุมเกสรซึ่งนอนหลับอยู่ พันธมหายักษ์ได้หลงรักนางปทุมเกสรจึงร่ายมนต์ให้เพชรราชนอนหลับสนิท แล้วอุ้มเอานางปทุมเกสรเหาะกลับไปยังวังของตน
นางปทุมเกสรตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่เมืองยักษ์ พันธมหายักษ์จะเอานางเป็นเมีย นางปฏิเสธไม่ได้จึงออกอุบายเพื่อถ่วงเวลาโดยขอให้ผ้าขาดก่อนสักสามปี จึงจะได้ไม่เป็นเวรกรรมกับผัวเก่า ยักษ์รู้สึกยินดีจึงได้ตกแต่งปราสาทให้นางอยู่ ผ่านไปหลายวันนางคิดถึงเพชรราชจึงได้ยกมือไหว้ระลึกถึงพระฤษีและไหว้วอนเทวดา จากนั้นนางจึงพยายามหลบหนีออกจากวัง โดยเทวดาได้ช่วยกำบังกายนางไว้ ทำให้นางสามารถกลับถึงปราสาทตนเองได้ในสามวัน
พันธมหายักษ์พอรู้ข่าวนางหลบหนีก็โกรธมาก สั่งให้พลทหารไปตามหา แต่ก็ไม่มีผู้ใดพบ
กล่าวถึงเพชรราชตื่นขึ้นไม่เห็นนางปทุมเกสรจึงออกตามหา และมาพบกับพวกยักษ์ที่กำลังออกตามหานางอยู่เช่นกัน พอยักษ์เห็นเพชรราชก็อยากจับกิน เพชรราชไม่อยากยุ่งกับยักษ์ จึงเตือนว่าถ้าไม่หยุดก็จะ “เล่น” ต่อสู้ด้วยก็ได้ หัวหน้าเสนายักษ์ชื่อ “พันธเวส” ได้ฟังดังนั้นก็โกรธมาก สั่งให้พวกผีมารล้อมเพชรราช แต่ผีมารถูกฆ่าตายกระจัดกระจายแตกพ่าย ส่วนพันธเวสกำตะบองเข้าสู้ แต่ด้วยความที่เห็นพลเสนาโดนฆ่าจำนวนมากสู้ไม่ได้ จึงได้ให้พลทหารกลับไปบอกพันธมหายักษ์
กล่าวถึงนางปทุมเกสรพอกลับมาถึงก็ไปอาศรมและได้เล่าเหตุการณ์ให้พระฤษีฟัง เล่าไปก็ร้องไห้ไป พระฤษีจึงปลอบว่าหากหมดเคราะห์กรรมเมื่อไหร่ เพชรราชก็จะกลับมาหา นางปทุมเกสรได้ฟังดังนั้นจึงหายโศกเศร้า
พวกพลทหารยักษ์นำความกลับไปบอกพันธมหายักษ์ พันธมหายักษ์โกรธมากจนตัวแดง จึงลงไปต่อสู้กับเพชรราชด้วยตนเอง แต่ในที่สุดพันธมหายักษ์ก็พ่ายแพ้ เพราะเพชรราชชี้นิ้วทำให้ตัวแข็งตกลงมาแตกบนดิน ทำให้พันธมหายักษ์เหลือเพียงแต่หัวกับสองแขนเท่านั้น เพชรราชเห็นว่าแพ้แล้วจึงจะคืนร่างให้พันธมหายักษ์และยักษ์ทั้งหมด แต่ด้วยความอับอายที่พ่ายแพ้ พันธมหายักษ์จึงขอให้ฆ่าตนเสีย ไม่เช่นนั้นจะจองเวรตลอดไป ทำให้เพชรราชจำเป็นต้องทำตาม โดยปลุกชีพยักษ์ผีทั้งหมดมาเป็นประจักษ์พยาน พวกบริวารยักษ์ต่างกลัวเพชรราชเป็นอย่างมาก เพชรราชกล่าวว่าไม่ได้ต้องการฆ่าใคร แค่จะมาเอาเมียคืน เสนายักษ์จึงเล่าว่านางปทุมเกสรได้หนีไปแล้ว
เพชรราชได้จัดงานถวายพระเพลิงพันธมหายักษ์ เสนายักษ์ได้ปรึกษานางเทวีผุสสวงศ์มเหสีของพันธมหายักษ์ และต่างก็เห็นพ้องให้เพชรราชขึ้นเป็นเจ้าเมืองแทน พร้อมยกนางอุษามาลาให้เป็นมเหสี
มหรสพเป็นไปตลอดสามวันสามคืนเพื่อฉลองการขึ้นครองราชย์และการอภิเษกสมรส เพชรราชได้ถือโอกาสนี้สั่งสอนให้มารกลายเป็นคนดี ไม่สร้างเวรสร้างกรรม บริวารในเมืองต่างก็มีความสุขมากขึ้น
เวลาผ่านไปหลายเดือน นางอุษามาลาก็ท้องได้สามเดือน ตกดึกคืนหนึ่งเพชรราชสะดุ้งตื่นแล้วก็คิดถึงนางปทุมเกสรที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย จึงได้บอกนางอุษามาลาว่าจะไปตามหา แม้ว่านางอุษามาลาจะขอให้รอลูกคลอดก่อน แต่ในที่สุดก็ห้ามไม่ได้ เพชรราชออกเดินทางเพื่อตามหานางปทุมเกสร
กล่าวถึงเมืองจักรขีนบ้านเกิดของนางคำกลอง ตอนนี้ผู้คนตายหมดเหลือแต่เทวดารักษา เทวดาจึงปรึกษากันว่าควรจะไปตามเพชรราชให้กลับมายังเมืองจักรขีน จึงมอบให้เทวดาสี่องค์ไปหาเพชรราช
เพชรราชที่กำลังเดินทางไปหาพระฤษีเพื่อสอบถามหานางปทุมเกสร ก็ถูกเทวดาเมืองจักรขีนบังตาให้มองไม่เห็นอาศรม จึงเหาะเลยไปจนถึงเมืองจักรขีนบ้านเกิดของนางคำกลองผู้เป็นมารดาแทน ในยามพลบค่ำ เมื่อเพชรราชนอนพัก เหล่าเทวดาทั้งสี่องค์ก็ได้ลงมาคุ้มครองเพชรราชจากภูติผีปีศาจ จนกว่าเพชรราชมาถึงเมืองจักรขีน
เพชรราชมาถึงเมืองจักรขีนแล้ว ก็มองเห็นแต่เมืองร้างและกองโครงกระดูก เพราะไม่รู้ว่ามีเหตุร้ายอะไร เพชรราชจึงตัดสินใจชุบชีวิตโครงกระดูกสองโครงขึ้นมาเพื่อสอบถาม เมื่อโครงกระดูกได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา เพชรราชก็พบว่านี่คือตาและยายของเขา ซึ่งเป็นกษัตริย์และมเหสีของเมืองจักรขีน ทั้งสองได้เล่าเรื่องที่ถูกเหยี่ยวยักษ์จับกินทั้งเมืองจนต้องเอานางคำกลองใส่ไว้ในกลองเพื่อให้หนีรอด
จากนั้นเพชรราชจึงได้ชุบชีวิตชาวเมืองและสัตว์เลี้ยงทั้งหมดกลับคืนมา
พวกผู้รับใช้ในวังก็พากันเข้าสู่ท้องพระโรง แล้วทูลถามพระราชาในเหตุอัศจรรย์ที่ตายแล้วฟื้น พญาจักรขีนจึงเล่าให้ฟัง ทุกคนในที่นั้นเมื่อเห็นเพชรราชจึงได้ยกมือไหว้ท่วมหัว บางคนก็ถวายดอกไม้ธูปเทียน
เมื่อชาวเมืองจักรขีนกลับถึงบ้านแล้ว พวกเขาก็ยังกลัวตายเหมือนเดิม ไม่กล้าก่อไฟนึ่งข้าว พากันซ่อนอยู่ จนกระทั่งเสนาไปกราบทูลให้ทราบ พญาจักรขีนจึงให้ตีฆ้องร้องป่าวออกไปว่าไม่ต้องกลัว จะให้เพชรราชจัดการ ให้หุงหาอาหารก่อไฟกันได้
เหยี่ยวยักษ์ผัวเมีย พวกมันอาศัยอยู่ที่ภูเขา พอมองเห็นควันไฟในเมืองก็คิดว่าโชคดีจะได้กินคนแล้ว มันจึงพากันบินไปสู่เมืองจักรขีน ผู้คนมองเห็นก็พากันแตกตื่นหลบหนี เพชรราชที่ได้ยินว่าเหยี่ยวยักษ์มา ก็รีบทะยานออกไปขวางไว้
ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเพชรราช ไม่นานเหยี่ยวยักษ์ก็พ่ายแพ้ และขอให้ฆ่าพวกมันเพื่อหลุดพ้นออกจากบาปเวรที่เคยก่อ รวมถึงความอดอยากหิวโหยที่กินไม่พอจนแสบท้อง เพชรราชไม่อยากฆ่า แต่เหยี่ยวยักษ์ก็ขอร้องเพราะทรมานมากมานานแล้ว พร้อมทั้งถวายลูกแก้ววิเศษบนหัวให้ เพชรราชจึงจำเป็นต้องเมตตาชี้นิ้วให้เหยี่ยวยักษ์ตายสมความปรารถนา เมื่อเหยี่ยวยักษ์ตายลง ร่างก็ได้กลายเป็นภูผา
เพชรราชกลับมาถึงเมือง เสนาทั้งเมืองพากันออกมาต้อนรับ ตายายกษัตริย์เมืองจักรขีนจึงกล่าวว่า บัดนี้เราจะอภิเษกหลานขึ้นเป็นพญาแทน แล้วก็ตีฆ้องร้องป่าวประกาศไปทั่วเมือง ฝูงหมู่อำมาตย์และชาวเมืองต่างพากันชื่นชมยินดีสาธุการน้อมรับเพชรราชขึ้นสืบเมือง
พราหมณ์จัดพิธีราชาภิเษกและเข้าถวายพระพร มหรสพสมโภชน์ถูกจัดขึ้นเป็นเวลาสามวันสามคืน มีทั้งเพลงพาทย์ฆ้องระบำเสียงปี่ซอและอาหารมากมาย
……….
ภาพโดย ทิม บีเวอ Tim Bewer
เรื่องโดย สุทธวรรณ บีเวอ อีสานอินไซต์